ในปัจจุบัน โปรเจกเตอร์กลายเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมที่สามารถทำงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เพื่อดูหนัง เล่นเกม หรือนำเสนองาน ด้วยความสามารถในการแสดงภาพขนาดใหญ่ เต็มตา จึงส่งต่ออารมณ์เนื้อหาได้อย่างเต็มที่ แต่การจะได้ภาพที่สวยงาม คมชัด นอกจากเครื่องฉายโปรเจกเตอร์แล้ว ยังมีอีกองค์ประกอบที่สำคัญนั่นคือ “จอโปรเจกเตอร์” ซึ่งควรเลือกแบบไหนดี บทความนี้มีคำตอบ
จอโปรเจกเตอร์ มีกี่นิ้ว?
จอโปรเจกเตอร์มีหลายขนาดให้เลือกใช้งาน โดยวัดขนาดเป็นนิ้ว อิงจากแนวทแยงมุม ซึ่งขนาดจอที่มีจำหน่ายทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 70 นิ้ว ไปจนถึง 300 นิ้ว หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้งาน งบประมาณ รวมถึงความต้องการ โดยขนาดจอโปรเจกเตอร์ที่นิยมใช้ มีดังนี้
- ขนาด 70 นิ้ว เป็นจอขนาดเล็ก ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ห้องนอน หรือห้องส่วนตัว
- ขนาด 100-120 นิ้ว เป็นจอขนาดกลาง ที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น ห้องประชุม หรือห้องเรียน
- ขนาด 150 นิ้วขึ้นไป เป็นจอขนาดใหญ่ ที่หมาะสำหรับการใช้งานในห้องที่มีพื้นที่กว้าง เช่น โรงภาพยนตร์ หรือหอประชุม
ประเภทของจอโปรเจกเตอร์
จอแขวนมือดึง (Wall Screens)
เป็นจอติดตั้งบนผนังเพดาน หรือผนังห้อง ซึ่งสามารถใช้งานได้โดยการดึงฉากโปรเจกเตอร์ลงมาและจัดเก็บง่ายเพียงดึงจอเข้าหาตัวเพื่อให้หน้าจอเลื่อนม้วนเข้าไปในกระบอก ซึ่งจอแขวนมือดึงนับเป็นรูปแบบที่เห็นได้ง่าย สามารถจัดเก็บได้อย่างสะดวกโดยไม่มีจอเกะกะรกสายตา เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องประชุมบริษัท หรือตามสถานศึกษา
จอ 3 ขา (Tripod Screen)
หากไม่ต้องการติดตั้งจอถาวรที่ต้องเจาะผนัง หรือเพดาน จอแบบขาตั้งได้ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายง่าย เหมาะสำหรับใช้งานพกพา จึงสามารถนำไปใช้งานนอกสถานที่ได้ เหมาะกับการใช้งานฉายภาพแบบชั่วคราว โดยสามารถพับเก็บและกางออกมาใช้ได้สะดวก
จอมอเตอร์ไฟฟ้า (Motorized Screen)
หนึ่งในประเภทของจอโปรเจกเตอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นจอมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเลือกติดตั้งได้หลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นบนเพดาน หรือติดผนังเหมือนจอแขวนมือดึง แต่จอมอเตอร์ไฟฟ้าจะควบคุมการใช้งานด้วยระบบอัตโนมัติ จึงเหมาะสำหรับการใช้งานบ่อย สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการฉีกขาดจากการกะแรงมือดึงจอไม่ถูกเป็นประจำ จนทำให้ตัวจอเสียหาย
จอฟิกเฟรม (Fixed Frame Screen)
จอฟิกเฟรม เป็นจอสำหรับติดตั้งถาวร ซึ่งมีลักษณะเป็นจอรับภาพที่ขึงมากับกรอบ ให้ผลลัพธ์หน้าจอเรียบตึง สวยงาม พร้อมภาพที่มีสีสันสดใส คมชัด คล้ายกับการดูทีวีจอใหญ่ จึงเป็นจอที่นิยมในการทำโฮมเธียเตอร์ มักติดตั้งอยู่ภายในร้านอาหาร หรือลานกลางแจ้ง
เนื้อจอฉายสำหรับจอโปรเจกเตอร์
- Matte White เป็นเนื้อจอแบบพื้นฐาน ให้สีสันสดใส คมชัด แต่เป็นจอที่ค่อนข้างไวต่อแสง จึงไม่เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีแสงสว่างมาก มักใช้สำหรับงานทั่วไป ตามห้องที่ไม่มีแสงลอด
- Matte Gray เป็นเนื้อจอแบบด้านดำสนิท ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญคือหน้าจอสะท้อนแสงน้อย จึงเหมาะสำหรับใช้งานในห้องที่มีแสงสว่างมาก
- Rear เป็นเนื้อจอแบบโปร่งแสง ฉายภาพจากด้านหลัง จึงมีการกระจายแสงที่ดี ให้ภาพที่คมชัด ทำให้มีราคาแพงกว่าจอ 2 แบบแรก
- High Definition เป็นเนื้อจอแบบพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับโปรเจกเตอร์ความละเอียดสูง โดยทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส มีคุณภาพสูง
เลือกจอโปรเจกเตอร์ ควรพิจารณาจากอะไร แบบไหนดี?
เลือกจากการใช้งาน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานว่า ต้องการนำไปใช้ทำอะไร หากต้องการใช้งานทั่วไปถาวร เช่น การนำเสนองานในห้องประชุม ก็อาจเลือกจอแขวนมือดึงที่ราคาไม่แพงมาก หรือหากต้องการใช้แบบที่พกพาง่าย ก็อาจเลือกจอ 3 ขา เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้หลายที่ ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกับขนาดจอให้เหมาะสมกับขนาดห้อง พร้อมคำนึงถึงระยะห่างในการมองเห็น
ตำแหน่งติดตั้ง
ก่อนเลือกประเภทของจอโปรเจกเตอร์ต้องคำนึงถึงตำแหน่งให้ดีว่า ห้องที่ต้องการติดตั้งเหมาะกับจอแบบไหน เช่น หากมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ริมผนังด้านข้าง ก็อาจเลือกจอฟิกเฟรม หรือหากเป็นห้องที่มีพื้นที่ไม่มากนักก็อาจต้องเลือกจอแขวนดึงมือ หรือจอมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ติดตั้งบนผนังฝ้าได้
ความสว่างของห้อง
ส่วนนี้จะส่งผลต่อการเลือกเนื้อจอฉาย เพราะหากเป็นห้องที่มีแสงสว่างน้อยก็ต้องเลือกจอแบบ Matte White หรือ High Definition ซึ่งสำหรับห้องที่มีแสงสว่างมาก หรือการใช้งานกลางแจ้งจะต้องใช้จอแบบ Matte Gray
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงได้เคล็ดลับในการเลือกซื้อจอโปรเจกเตอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการกันไปแล้ว หากกำลังมองหาจอโปรเจกเตอร์คุณภาพดี ต้องมาที่ GYGAR ที่มีจอโปรเจกเตอร์เกรดพรีเมียมให้เลือกมากมาย แสดงผลได้คมชัด แม้ในที่สว่างจ้า ติดตั้งง่าย โดยมีขนาดจอโปรเจกเตอร์ให้เลือกตั้งแต่ 70 นิ้ว ไปจนถึง 300 นิ้ว สั่งซื้อสะดวกผ่านเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE AD: @gygar