USB เป็นที่นิยมอย่างมากถูกออกแบบมาเพื่อเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ เป็นแหล่งจ่ายพลังงาน สำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อรองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อที่หลากหลายในปัจจุบัน
สำหรับหลายคน รู้จักกันดีอยู่แล้ว กับ คำว่า USB (Universal Serial Bus) หรือ สาย USB ที่พวกเรารู้จักและคุ้นเคยคือ สาย USB ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ แต่คุณรู้ไหมว่า USB แต่ละหัว นั้นมีหลายประเภท
ยกตัวอย่าง ยุคแรกๆของที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ จะเป็น USB Type-B mini หลังจากนั้นก็พัฒนามาเป็น USB Type-B micro หรือ Micro USB จนปัจจุบัน ได้ถูกพัฒนาในมาตรฐานใหม่ โดยใช้ชื่อว่า USB Type-C หรือ USB-C
USB Type C คือพอร์ตเชื่อมต่อที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ใช้กันอย่างแพร่หลายใช้สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลกับ คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก หรือ แท็บเล็ต, หรืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อโอนถ่ายข้อมูลไฟล์ต่างๆ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมเช่น โทรศัพท์มือถือ, สแกนเนอร์, กล้องคอนเฟอเรน, เครื่องพริ้นเตอร์ และอื่นๆ หรือสำหรับไว้ชาร์จแบตเตอรี่
จุดเด่นที่สำคัญของ USB Type-C คือสามารถเสียบใช้งานด้านใดก็ได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องเสียบผิดดีกว่ารุ่นก่อนๆ ของ USB รวมถึงได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวกและดีกว่าเดิม
ข้อดีของ USB Type–C
- ใช้สำหรับรับ-ข้อมูล ได้สะดวกและรวดเร็ว
- มีขนาดเล็กและพกพาสะดวก ใช้พื้นที่น้อยกว่า USB Type-A และ Type-B ทำให้สามารถออกแบบให้อุปกรณ์ให้มีความบางได้มากกว่า
- หัวพอร์ตสามารถสลับเสียบด้านใดก็ได้ ไม่มีปัญหาเสียบผิดด้าน ใช้งานสะดวกและยืดหยุ่นกว่า
- รองรับโปรโตคอลได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ถ่ายโอนข้อมูล ส่งสัญญาณภาพและเสียง จ่ายกระแสไฟฟ้า เป็นต้น
- มีอัตราการส่งข้อมูลที่สูงกว่า USB Type-A และ Type-B
ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี USB เวอร์ชัน 3.1 ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม และจะเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการไอที สินค้าหลายๆ อุปกรณ์เริ่มมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มช่อง USB Type-C เข้าไปในตัวสินค้า
USB เวอร์ชันใหม่ๆ สามารถถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม เป็น 2 เท่า หรือถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้สูงสุดถึง 10 Gbps เรียกได้ว่าไฟล์หนัง 4K ที่มีขนาดใหญ่ๆ สามารถโหลดผ่านข้อมูลได้ในเวลาอันสั้น และ USB Type-C ยังมีความสามารถรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงถึง 20V, 5A เท่ากับว่าเราสามารถชาร์จ Notebook หรือ อุปกรณ์ขนาดกลางได้อย่างสบาย และมันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การชาร์จโทรศัพท์มือถือของเราชาร์จได้เร็วขึ้น
